1 - ควรจะหลบแดด เพราะบางคนไม่ค่อยหลบแดด
แสงแดด สามารถทำร้ายผิวหน้าให้เกิดรอยฝ้าได้ดีอันดับต้นๆเลยทีเดียว เพราะแสงแดดจะปล่อยคลื่นรังสี UV
เมื่อได้รับรังสี UVA และ UVB จัดๆติดต่อกันเป็นเวลานาน ก็จะเกิดอนุมูลอิสระในร่างกายที่เพิ่มขึ้น
จนรอยฝ้าเริ่มลอยเด่นชัดตามส่วนต่างๆของใบหน้า ไม่หายสักที..
วิธีรักษาฝ้าที่ดีที่สุด!
ควรเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF เหมาะกับสภาพผิว และสถานการณ์นั้นๆ เช่น..
(1.)หากอยู่แต่บ้าน หรือออฟฟิศไม่ค่อยได้ออกกลางแจ้ง ก็ควรทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF15-30 PA+++
เพื่อป้องกันรังสีจากจอคอมและหลอดไฟ
(2.)หากต้องทำงานกลางแจ้งทั้งวัน ควรเลือกทาครีมกันแดดที่ค่า SPF50 PA++++
เพื่อป้องกันแสงแดดแรง และควรทาซ้ำทุกๆ 2 ชั่วโมง รวมถึงสวมเสื้อผ้าที่ป้องกันแสงแดด
และสวมหมวกปีกกว้าป้องกันรังสี UV ก็จะทำให้รอยฝ้าจางลงได้ดี
พฤติกรรมที่ 2 – ใช้ครีมทาฝ้าไม่ได้มาตราฐาน
การเลือกใช้ครีมทาฝ้าที่ไม่มีแหล่งที่มา แหล่งผลิต ไม่ระบุชื่อบริษัท ไม่มีส่วนผสมที่ชัดเจน
ก็จะทำให้หน้าขาวไว แต่ฝ้าก็ฝังลึกกลับมายิ่งกว่าเดิม เมื่อหยุดใช้!
วิธีรักษาฝ้าที่ดีที่สุด!
ทางที่ดีหากอยากให้รอยฝ้าจางลงอย่างปลอดภัย และเห็นผล
ก็ควรเลือกครีมทาฝ้าที่ผ่านการทดสอบประสิทธิภาพของครีมจากสถาบันที่เชื่อถือได้
ครีมทาฝ้าที่ดีควรผลิตจากส่วนผสมของธรรมชาติอย่างแท้จริง โดยไม่มีเคมีทำร้ายผิวหน้าให้เกิดรอยฝ้าฝังลึก
อย่างสารไฮโดรคิวโนน สารปรอท เป็นต้น
พฤติกรรมที่ 3 – แพ้เครื่องสำอาง
ปกติสาวๆก็มักจะแต่งหน้าไปไหนมาไหนอยู่แล้ว แต่ทราบหรือไม่ว่า สาเหตุที่ทำให้ฝ้าไม่จางลงสักที
มักเกิดจากอาการแพ้เครื่องสำอางได้เช่นกัน อาการแพ้เครื่องสำอาง เช่นน้ำหอม สี สารกันเสีย
เครื่องสำอางบางชนิดที่มีฮอร์โมนเพศผสมอยู่ ก็ทำให้เกิดรอยด่างดำแบบฝ้าได้
วิธีรักษาฝ้าที่ดีที่สุด!
ไม่ควรเปลี่ยนแปลงเครื่องสำอางบ่อยๆ เพราะอาจทำให้เกิดการแพ้ได้ง่าย การใช้ควรทดลองบางบริเวณก่อน
เช่น ใต้คาง ใต้ท้องแขน แต่หากใช้เครื่องสำอางชนิดไหนแล้วเกิดการแพ้
ควรจะอ่านรายละเอียดของสารประกอบในเครื่องสำอางนั้นว่ามีสารตัวใดอยู่บ้าง ซึ่งมีส่วนทำให้เกิดการแพ้
เพื่อจะได้หลีกเลี่ยงสารตัวนั้นเมื่อจะซื้อเครื่องสำอางชนิดอื่นอีกต่อไป
พฤติกรรมที่ 4 – พักผ่อนน้อย
คนที่พักผ่อนน้อย ไม่ค่อยมีเวลานอน นอกจากจะทำให้ผิวหนาเกิดริ้วรอย สิว หน้าหมองคล้ำแล้ว
เมื่อร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอระบบภายในร่างกายก็จะรวน มีผลต่อฮอร์โมนในร่างกายทำงานได้ไม่ค่อยดี
จนเป็นสาเหตุให้เกิดอาการเครียด มีอนุมูลอิสระ ส่งผลให้เมลานินทำงานได้ไม่ค่อยดี รอยฝ้าจึงชัดมากยิ่งขึ้น!
วิธีรักษาฝ้าที่ดีที่สุด!
พยายามพักผ่อนให้เพียงพอ ลดความเครียด ดื่มน้ำ หรือน้ำอุ่นผสมน้ำผึ้งเล็กน้อยก่อนนอน
ก็จะทำให้นอนหลับง่ายสบายมากยิ่งขึ้น เมื่อรน่างกายพักผ่อนเพียงพอ คลายความเครียดแล้ว
รอยฝ้าก็จะค่อยๆจางลงได้ดี ผิวเปล่งปลั่ง ลดริ้วรอย และสิวได้
พฤติกรรมที่ 5 – สารอาหารไม่เพียงพอ
หากใครที่ชอบทานแต่ของหวาน ของทอด ของมัน อาหารฟาสฟู้ด เครื่องดื่มแอลกอฮอล ไม่ค่อยได้ทานผัก ผลไม้
หรือผู้ที่ขาดสารอาหารจพวกวิตามินบี 12 ก็จะมีปัญหาเกิดรอยฝ้า กระ ตามส่วนต่างๆของใบหน้า รอยฝ้าจึงเด่นขึ้น
วิธีรักษาฝ้าที่ดีที่สุด!
เลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ อย่างการทานผัก ผลไม้ที่มีส่นประกอบของวิตามินซี วิตามินบี12
แร่ธาตุ และไฟเบอร์ รวมถึงดื่มน้ำสะอาดให้ได้มากๆ อย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว
ก็จะช่วยให้ร่างกายเกิดการต่อต้านอนุมูลอิสระ ชวยขับถ่ายสารพิษ ทำให้รอยฝ้าจางลงได้เป็นอย่างดี
พฤติกรรมที่ 6 – ยังทานยาคุม
ยาคุม มีส่วนผสมของฮอร์โมนเพศ ทำให้เซลล์สร้างเม็ดสีทำงานมากขึ้น
สาวๆที่ทานยาคุมจึงมีรอยฝ้าขึ้นได้ง่ายกว่าคนที่ไม่ทานยาคุม รวมถึงคนที่ตั้งครรภ์ก็จะมีรอยฝ้าได้เช่นกัน
วิธีรักษาฝ้าที่ดีที่สุด!
หากจำเป็นต้องทานยาคุมจริงๆ ก็ควรเลือกทานยาคุมที่มีปริมาณฮอร์โมนที่น้อยลง
หากไม่แน่ใจว่ายาคุมตัวไหนมีปริมาณยาคุมเท่าไหร่ ควรปรึกษาเภสัช หรือปรึกษาแพทย์เพื่อรับยาคุมที่ปริมาณน้อยลง
แต่หากหยุดทานยาคุม หรือคนที่ตั้งครรภ์คลอดลูกแล้ว รอยฝ้าก็จะจางลงได้เองตามธรรมชาติ
พฤติกรรมที่ 7 – ไม่ล้างหน้าก่อนนอน
สิ่งสกปรก สารเคมีจากเครื่องสำอางที่เกาะอยู่บนใบหน้า จะส่งผลให้รอยฝ้าชัดมากยิ่งขึ้น
หากลืมล้างหน้าก่อนนอนบ่อยๆ ก็จะส่งผลให้เคมีสิ่งสกปรกสะสมในชึ้นผิว ทำให้เมลานินก่อตัว
ถึงจะทาครีมรักษาฝ้าดีแค่ไหน ถ้าไม่ล้างหน้าก่อนนอน รอยฝ้าก็ไม่จางลงแน่นอน
แสดงความคิดเห็น